วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

อีกมุมมองของการรับน้อง จาก Thaioctober

สวัสดีสหายผู้พี่ วันนี้สหายผู้น้องมีแง่มุมใหม่ๆของกิจกรรมรับน้อง จากมุมมองของน้องๆมาให้สหายผู้พี่ผู้น้องทั้งหลายมาอ่านกัน แล้วช่วยวิพากษ์ด้วย จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนากิจกรรมนักศึกษาให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ดีกว่า ที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
อีกมุมมองของการรับน้อง
ต่อไปนี้คือบทสนทนาที่มุมมองของพี่ และมุมมองของน้อง ว่าด้วยการรับน้อง...

พี่ : รุ่นพี่จัดการรับน้องโดยมีวัตถุประสงค์ให้น้องรักกัน สามัคคีกัน ทำให้รู้จักกันภายในเวลาสั้นๆ ไม่มีวิธีไหนจะให้ได้ผลอีกแล้วนอกจากการว้าก บังคับลงโทษ (ซ่อม) กดดันต่างๆนานา
น้อง : ทำไมต้องรีบทำให้รู้จักกันขนาดนั้นด้วยล่ะ มีเวลาอีกตั้ง 4 ปี ที่จะเรียนรู้นิสัยใจคอของเพื่อน และนิสัยของพี่ๆทั้งหลาย แล้วก็มีหลักประกันอะไรหรือว่ารักกันได้ภายในเวลาเดือนเดียว แล้วจะรักกันไปตลอด มีอยู่ถมไปไม่ใช่หรือที่ทะเลาะกัน

พี่ : ถ้าไม่กดดัน ไม่ว้าก คิดหรือว่าน้องจะสามัคคีกัน นี่ถ้าไม่มีว้ากนะ น้องคงไม่มาหรอก
น้อง : ถ้าเป็นอย่างนี้ก็น่าสงสารแฟนพี่มาก หากพี่กับแฟนจะรักกัน พี่ไม่ต้องบังคับข่มขืนเขา ว้ากเขา ให้เขารักพี่หรือ นี่ถ้าพี่อยากจะรักใคร รู้จักกับใคร พี่ก็ไม่ต้องเที่ยวไปข่มขืนเขาไปทั่วหรือเนี่ย
อยากบอกพี่เหลือเกินว่า คนเราจะรักกันมันต้องจริงใจต่อกันอย่างถึงที่สุด รู้จักการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ลองนึกถึงคนที่พี่รักสิ พี่รักเขาเพราะเขาจริงใจต่อพี่ใช่ไหม อย่างเช่นพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนพี่ ครูอาจารย์ แฟนพี่
คนเหล่านั้นเขารักพี่ด้วยการว้ากหรือเปล่า พี่ถูกพ่อแม่ซ่อม ตัดเกรด เพราะพี่ตื่นสาย เคยมีบ้างไหมที่พี่ต้องแต่งตัวเป็นซุปเปอร์แมน แล้วเที่ยวตะโกนว่ารักแฟนสุดจิตใจ เพื่อให้แฟนพี่ยอมรับ
นั่นสิ ใครต่อใครก็ไม่ได้ไปบังคับพี่แบบนั้น แล้วพวกผมเป็นใคร คนเพิ่งเคยรู้จักกันแท้ พวกผมไปทำให้พวกพี่เจ็บช้ำน้ำใจมาแต่ชาติปางไหน จึงถูกพี่ว้าก ซ่อม ทารุณต่างๆนานา กลิ้งขี้โคลน เป็นอาทิ
หรือเพราะชาติก่อนพวกผมทำให้พี่เจ็บช้ำน้ำใจ ชาตินี้เวรกรรมจึงสนองพวกผม ก็แล้วทำไมพี่ถึงไม่อโหสิให้พวกผมล่ะ ก็ไหนพี่ว่าพี่รักน้องสุดชีวิตไม่ใช่หรือ

พี่ : การว้าก การซ่อม มันทำให้น้องรู้จักอดทนนะ แค่นี้ทนไม่ได้ แล้วน้องจะไปทนรับกับสภาพบีบคั้นในสังคม ในที่ทำงานได้อย่างไร
น้อง : ก็อยากบอกว่า ความอดทนของมนุษย์คือการอดทนต่อความยากลำบาก ต่อสิ่งล่อลวง ฟุ้งเฟ้อ ยั่วยุกามารมณ์ที่มีอยู่ในสังคม นี่เราต้องอดทน ไม่ใช่โดดเข้าใส่ อย่างที่พวกพี่เป็นกันในเพลงแมงมุม เมียงู และอะไรต่อมิอะไรที่พวกพี่บังคับให้พวกเราทำกัน ทำไมไม่เอาไปทำกับแฟนพี่ ภรรยาพี่
แต่ถ้าเป็นถ้าสิ่งนั้นเป็นความอยุติธรรม ไม่เท่าเทียมกัน การกดขี่ เอารัดเอาเปรียบกันในสังคม อย่างที่เกิดในการรับน้อง เกิดในที่ทำงาน ในวงราชการและเอกชน น้องคิดว่าเราจะมาอดทนไม่ได้หรอก แต่เราต้องต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมเหล่านั้นถึงจะถูกต้อง
สมมติเราสองคนเป็นข้าราชการ ถ้าน้องรู้ว่าพี่โกง เพราะน้องรักพี่ น้องจึงจะขอให้พี่เลิกโกง ไม่ใช่รู้เห็นเป็นใจกับพี่ ช่วยกันกลบเกลื่อนกับพี่ แบบนี้ก็กับเรากำลังเอาความรักมาใช้ในทางที่ผิด เรารักพวกพ้องแต่เราไม่ได้รักชาติ รักประชาชน หรือพี่ต้องการอย่างหลัง เพราะพี่ไม่ต้องการให้น้องลบหลู่ ไม่ต้องการให้น้องทรยศต่อสีเดียวกัน

พี่ : การรับน้อง มันทำให้น้องเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะยากดีมีจนก็จะได้รู้จักกัน ไม่มีชนชั้น คิดหรือว่าถ้าไม่มีรับน้อง น้องจะไปกล้าทักเพื่อนที่มันรวยๆ
น้อง : ทำไมจะไม่มีชนชั้น แล้วพวกที่ตะคอกใส่หน้าน้อง สั่งน้องซ้ายหันขวาหัน เขาไม่เรียกว่าชนชั้นปกครอง แถมยังพ่วงตำแหน่งทรราชอีก หรือครับ

พี่ : การรับน้อง มันทำให้น้องมีงานทำ มีเส้นสาย มีอุปถัมภ์ ลองถ้าไม่มีรับน้อง รุ่นพี่ที่ไหนเขาจะรับเข้าทำงาน
น้อง : ก็ไม่ใช่เพราะไอ้อุปถัมภ์นี้หรอกหรือ ที่เวลามีใครโกงในวงราชการ ก็มีพี่มีน้องมาช่วยกันกลบ ไม่ให้ใครรู้ ไม่ใช่เพราะอุปถัมภ์หรือระบบราชการยังเป็นอยู่เช่นนี้ บ้านเมืองยังเป็นเช่นนี้ คนได้ดิบได้ดีเพราะรับใช้นาย ไม่ได้รับใช้ประชาชน มันดีเสียที่ไหน

พี่ : การว้าก การซ่อม มันสอนให้น้องมีระเบียบวินัยนะ แล้วพี่ก็ไม่ได้ไปทำร้ายอะไรน้องด้วย แค่ตะโกนใส่หน้า บังคับให้น้องซ่อม โดยที่พี่ไม่ได้ไปถูกตัวน้องเลย
น้อง : แต่ต้องไม่ลืมนะพี่ ว่าระเบียบวินัยที่เกิดขึ้น เป็นเพราะการจำนนต่อสภาพบังคับ แบบนี้ก็เท่ากับความมีระเบียบวินัยไม่มีความยั่งยืน จะเกิดก็เพราะการบังคับถ้าไม่มีการบังคับก็ไม่เกิดวินัย แล้วมันจะมีประโยชน์อันใด น้องคิดว่าพี่กำลังมาผิดทาง พี่จำคำขวัญของสถาบันเราได้ไหม “อัตตานัง ทะมะยันติ ปัณฑิตา” บัณฑิตย่อมฝึกตน น้องคิดว่าเราควรรู้จักควบคุมตนเอง ฝึกหัดตนเอง มันจะทำให้เรามีระเบียบวินัยมากกว่าการให้คนอื่นมาฝึก คนเรามีความสามารถอยู่อย่างหนึ่งคือการระลึกได้เอง ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น
แล้วน้องก็เห็นว่า 1ปีหรือ 3ปี ที่ผ่านการรับน้องของพี่ ก็ไม่ได้ทำให้พี่มีวินัยกันเลย แต่งตัวตามสบาย เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าแตะมาเรียน ขณะที่น้องต้องผูกไทค์ ทั้งที่ไทค์ก็ไม่ใช่ระเบียบของทางมหาวิทยาลัย หรือถ้ามันใช่ทำไมพี่ไม่ผูก หรือว่าพวกผมต้องทำ หาไม่แล้วจะผิดระเบียบของมหาวิทยาลัย ส่วนพวกพี่ มหาวิทยาลัยเขาใช้ระเบียบอีกฉบับกับพี่ นี่ก็เท่ากับไม่พี่ ก็มหาวิทยาลัยดับเบิ้ลแสตนดาดนะ
แล้วพี่รู้ไหม การว้ากการซ่อม หรือการกระทำที่พี่นิยามว่าเป็นการฝึกต่างๆ ที่ทหารเขาทำได้ เพราะเขามีระเบียบของทหาร แล้วคนที่จะเป็นผู้ฝึก ต้องผ่านการอบรมการฝึกทางทหารมา ต้องรู้สรีระมนุษย์ จิตวิทยา แล้วพี่ของผม ไปทันติดยศจ่าเมื่อไหร่ แล้วผมไปทันเป็นทหารเกณฑ์เมื่อไหร่ ผมรู้สึกว่าผมมารายงานตัวที่มหาวิทยาลัยนะ ไม่ได้มาตามหมายเรียก เอ หรือที่ส่งมาที่บ้านเป็นหมายเรียกของทหาร แย่ละเห็นทีน้องต้องไปตรวจสอบก่อน

พี่ครับ การฝึกทหารเขามีกฎหมายรองรับนะครับ ส่วนการรับน้องเขามีกฎหมายรองรับตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ มี พรบ.การว้ากน้องและซ่อมน้อง พ.ศ. ...ด้วยหรือครับ เท่าที่รู้นะครับกฎหมายที่ออกๆมานะครับ เขาคุ้มครองสิทธิของพวกผมที่ถูกละเมิดทั้งนั้นเลยนะครับ พวกพี่กำลังทำผิดกฎหมายดังนี้ครับ
1.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 หมวด 3 สิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย
มาตรา 28 บุคคลย่อมอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือใช้สิทธิและเสรีภาพของตนได้เท่า ที่ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ หรือไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้ สามารถยกบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้เพื่อใช้สิทธิทางศาลหรือยกขึ้นเป็นข้อ ต่อสู้คดีในศาลได้
มาตรา 29 การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้ กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้
กฎหมายตามวรรคหนึ่งต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไปและไม่มุ่งหมายให้ใช้
บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง ทั้งต้องระบุบทบัญญัติ
แห่งรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจในการตรากฎหมายนั้นด้วย
บทบัญญัติวรรคหนึ่งและวรรคสองให้นำมาใช้บังคับกับกฎหรือข้อบังคับ
ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายด้วย โดยอนุโลม
มาตรา 30 บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน
ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน
การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่อง ถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคลฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะกระทำมิได้
มาตรการที่รัฐกำหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิ และเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม
มาตรา 31 บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย การทรมาน ทารุณกรรม หรือการลงโทษด้วยวิธีการโหดร้ายหรือไร้มนุษยธรรม จะกระทำมิได้ แต่การลงโทษประหารชีวิตตามที่กฎหมายบัญญัติ ไม่ถือว่าเป็นการลงโทษด้วยวิธีการโหดร้ายหรือไร้มนุษยธรรมตามความในวรรคนี้
การจับ คุมขัง ตรวจค้นตัวบุคคล หรือการกระทำใดอันกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพตามวรรคหนึ่ง จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
มาตรา 51 การเกณฑ์แรงงานจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการป้องปัด ภัยพิบัติสาธารณะอันมีมาเป็นการฉุกเฉิน หรือโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งให้กระทำได้ในระหว่างเวลาที่ ประเทศอยู่ในภาวะการสงครามหรือการรบ หรือในระหว่าง
เวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก
(มาตรา 51 ใช้เมื่อพี่จะเกณฑ์พวกผมไปขึ้นแสตนด์เชียร์นะครับ)

2.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309
องค์ประกอบภายนอก
1.ข่มขื่นใจผู้อื่น
กระทำการใดๆ เช่น ให้ร้องเพลง ให้ซ่อม
ไม่กระทำการใดๆ
ยอมจำนนต่อสิ่งใด
2.หรือวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังตอไปนี้
โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ฯลฯ
โดยใช้กำลังประทุร้าย
3.จนผู้ถูกข่มขื่นต้อง
กระทำการนั้น เช่น ร้องเพลง ยอมถูกซ่อม
ไม่กระทำการนั้น
จำนนต่อสิ่งนั้น
องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา
เหตุเพิ่มโทษหนัก คือ (1)โดยมีอาวุธ (2)โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกัน 5 คน ขึ้นไป

แล้วในเรื่องการบังคับให้คนอื่นทำสิ่งใดนั้น พระพุทธเจ้าก็ตรัสเอาไว้ในเรื่อง ‘ตถตา ' หมายถึงมนุษย์ย่อมเป็นตัวของตัวเขาเองอย่างนั้น อย่าพยายามไปตั้งความหวัง หรือเปลี่ยนแปลงให้เขาเป็นอย่างที่ใจเราหวัง เพราะเมื่อเขาทำไม่ได้อย่างที่ใจเราหวังจิตใจเราย่อมขุ่นมัว มนุษย์ทุกคนย่อมดำเนินรอยตามกรรมของแต่ละคน เห็นไหมละครับพระพุทธเจ้าท่านยังตรัสเอาไว้เช่นนั้น แล้วมีหรือที่พี่จะไม่ฟังคำพระใช่ไหมครับ

พี่ : การรับน้องมันเป็นประเพณีนะ เป็นสิ่งที่ดี เพราะไม่อย่างนั้นแล้วมันคงไม่มีมาจนถึงทุกวันนี้
น้อง : หรือครับ แสดงว่าโจรผู้ร้าย คุณโสเภณี ยาเสพย์ติดเป็นสิ่งที่ดีสิครับ เพราะมันมีมานานกว่าการรับน้องเสียอีก

พี่ : แล้วถ้าไม่มีการรับน้อง คิดหรือว่าพี่น้องจะรักกัน
น้อง : ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีการรับน้อง กิจกรรมยังคงจะมีอยู่ แต่เราจะต้องเปลี่ยนรูปแบบ ให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ส่วนน้องจะไม่รักกัน ไม่รักพี่ ไม่มีสัมมาคารวะ เป็นเรื่องของการอบรมในวัยเด็ก ก่อนจะมาเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วละครับ แก้กันในเวลาเดือนสองเดือนไม่ได้หรอก แล้วการที่น้องเลือกจะรักใครไม่รักใคร เขาพิจารณาได้ครับ ใครดีเขาก็ต้องรักต้องคบเป็นธรรมดา ใครทำอะไรไม่ดีกับเขาไว้ เขาจะกล้าไปรักหรือครับ

(1)เราอาจจะเรียกนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งว่าเพื่อนใหม่ หรือจะเรียกน้องใหม่ก็ตามแต่ดุลยพินิจของพี่น้องที่จะเรียกความสัมพันธ์ที่ เกิดขึ้น
(2)ไม่จำเป็นที่เราจะต้องว้าก เพื่อให้น้องร้องเพลงเชียร์ แต่น่าจะเป็นกิจกรรมการสอนน้องร้องเพลงมากกว่า
และแทนที่เราจะนันทนาการด้วยเพลงลามกๆ เราน่าจะนันทนาการด้วยเพลงที่ทำให้เราได้ระลึกถึงความลำบากของผู้คนในสังคม
(3)เราควรมีทัศนคติเกี่ยวการรักสถาบันที่ว่า เราจะรักสถาบันก็ต่อเมื่อสถาบันได้ทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคมส่วนรวม และถ้าทุกสถาบันทำเพื่อสังคมส่วนรวม เราก็จะรักทุกสถาบัน เราจะไม่แบ่งแยกกันในแต่ละสถาบัน เพราะแต่ละที่ก็ล้วนจะผลิตคน สร้างคน ทำกิจกรรมเพื่อสังคมเหมือนกัน ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมาตั้งแง่รังเกียจกับผู้ที่จะทำอะไรเพื่อสังคม เหมือนกัน
(4)เราพี่น้องน่าจะบายศรีสู่ขวัญ มากกว่า(ระ)บายสีป้ายหน้ากัน
เราน่าจะไปบำเพ็ญประโยชน์ภายในคณะของเรา คณะอื่น ภายในสถาบันเรา ภายนอกสถาบัน พากันไปออกค่าย ช่วยชาวนาปลูกข้าว ซ่อมฝาย ขุดคลองไปสัมผัสชีวิตยากลำบากของชาวนา ไปสัมผัสชีวิตกรรมาชีพในเมือง และนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งน่าจะดีกว่าการจมปลักว้ากกันซ่อมกันในคณะ หรือการพาน้องไปรับน้องนอกสถานที่กันตามป่าเขา ชายทะเล
เราน่าจะพากันไปเลี้ยงน้องสถานเด็กกำพร้า บ้านพักคนชรา บ้านพักฉุกเฉิน สถานพินิจ เรือนจำ ไปทำบุญที่วัดฟังธรรมเพื่อจะได้นำหลักธรรมมาพัฒนาชีวิตร่วมกัน มากกว่าที่เราจะจัดงานเลี้ยงรับน้องใหม่ที่ฟุ้งเฟ้อใหญ่โต ซึ่งมีแต่จะพอกพูนกิเลส
(5)และทุกกิจกรรมไม่ควรบังคับกัน น้องมีสิทธิเลือกที่จะทำ ถ้าเขาเห็นว่าเป็นสิ่งมีประโยชน์
ที่สำคัญที่สุด พี่น้องร่วมสถาบันทั้งหลาย น่าจะมาพูดคุยกันในเรื่องนี้ให้มากๆนะครับ เพื่อวันพรุ่งนี้ของสังคมที่ดีกว่านะครับ สังคมกำลังต้องการการแก้ไขในอีกหลายๆด้าน เรานักศึกษาไม่ว่าจะสถาบันใด ก็ล้วนเป็นความหวังเป็นที่พึ่งของประชาชน แล้วพวกเราจะทรยศต่อประชาชนผู้เสียภาษีให้เรามาเรียนกันได้ลงคอเลยหรือ


(ขออุทิศแก่พี่น้องที่เสียชีวิต ในระหว่างกิจกรรมรับน้องนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอจงไปสู่สุขคติสัมปรายภพ มีปัญญาและธรรมเป็นอาวุธ หวังว่าจะไม่มีใครต้องมาสังเวยการรับน้องอีก ขออุทิศแก่พี่น้องทุกชั้นปี ทุกสถาบัน และประชาชนทั้งหลาย ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตขอจงมีศีล สมาธิและปัญญาเป็นทางนำของชีวิตเทอญ)