วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

ระบบ SOTUS...การสืบทอดระบบขูดรีดของทุนนิยม



เดือนมิถุนายน เดือนนรกที่ให้รุ่นพี่เลวใช้กดขี่นักศึกษาใหม่เวียนมาบรรจบอีกแล้ว ตลอดเดือนนี้หากไปเดินดูตามมหาวิทยาลัยต่างๆ จะพบว่าช่วงเขากำลังต้อนรับน้องใหม่ แต่ไม่ใช่การร้องรำทำเพลงสนุกสนานแบบที่เราเห็นในทีวีตอนเอ็นท์ติดใหม่ๆ อีกแล้ว เดือนนี้เป็นเดือนนรกสำหรับนักศึกษาปี 1 เพราะพวกเขาจะถูกรุ่นพี่กดขี่เยี่ยงทาส ราวกับรุ่นพี่ได้รับอำนาจจากฮิตเลอร์ให้มาลงโทษเชลย มันคือมิถุนาทมิฬในเดือนมิถุนาทมิฬ จะมีการเปิดห้องเชียร์ ให้นักศึกษาปี 1 เข้าไปนั่งในห้องเรียนแคบๆ ให้รุ่นพี่ใช้อำนาจภายใต้ระบบโซตัส (SOTUS) ทำการ ว้าก หรือการตะคอกข่มขู่ เสียดสีดูถูกต่างๆ นานาราวกับน้องไม่ใช่คน มีการบังคับให้น้อง บูมหรือตะโกนดังๆ ในเพลงที่ร้องแทบไม่เป็นสำเนียง ...ที่เริ่มต้นเป็นเสียงหวีดร้องของผู้หญิง ตามมาด้วยการเลียนเสียงระเบิดของผู้ชาย ตามด้วยภาษาคนป่าอีกสองวรรค แล้วก็ภาษาต่างด้าวยุโรป แปลออกมาจากน้ำเสียงที่โอหังว่า "ข้าคือใคร ข้าจะบอกให้ก็ได้ (แล้วก็ลงชื่อสถาบัน)" ลงท้ายด้วยเสียงหวีดร้องและเสียงเลียนแบบระเบิด และปรบมือให้ตัวเอง ที่เก่งกล้าตะโกนอะไรบ้าๆทำนองนี้ออกมาได้ และดัง!? นอกจากนั้นแล้วก็จะถูกบังคับให้ร้องเพลงซ้ำๆซากๆ ถ้าไม่ใช่เพลงที่มีเนื้อหาลามกชักชวนให้ร่วมเพศ ก็เป็นเพลงที่มีเนื้อหาโอ้อวดเชิดชู ว่าสถาบันกูแน่ ข้าเป็นใหญ่ ใครมาลองดี มีหวังตาย เพราะข้าพร้อมพลีชีพเพื่อคณะ เพื่อสถาบันของข้า ทั้งหมดนี้น้องจะต้องร้องซ้ำไปซ้ำมา จนกว่ารุ่นพี่จะพอใจ ร้องดีก็ด่า ร้องไม่ดีก็ด่า หากรุ่นพี่ไม่พอใจ ก็สั่งน้องมุดโต๊ะ กลิ้งไปมากับพื้นห้อง หรือสั่งให้มอบกองรวมๆ กัน รุ่นน้องจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับเชลย

นอกจากนี้ ยังมีการบังคับรุ่นน้อง ให้ทำอะไรแปลกๆ พิเรนทร์ๆ ที่คนปกติไม่ทำกัน ตามแต่รุ่นพี่จะคิด เช่น ให้คลานลอดหว่างขารุ่นพี่, ให้น้องผู้หญิงปิดตาแล้วเอาเงาะลอดขากางเกงน้องผู้ชาย จากขากางเกงซ้ายทะลุขากางเกงขวา, ให้ผู้ชายแต่งตัวแบบซุปเปอร์แมน คือให้ถอดกางเกงต่อหน้ารุ่นพี่ เพื่อเอากางเกงในออกมาใส่ข้างนอก, ให้อมลูกอมแบบปากต่อปากต่อๆกัน, ให้น้องผู้หญิงไปอยู่ในน้ำ เพราะรุ่นพี่ชายอยากดูหุ่น ฯลฯ แล้วแต่รุ่นพี่จะคิด อยากให้น้องทำอะไร ซึ่งดูๆ แล้ว ไม่ผิดอะไรกับการทรมานคนอิรัก ในเรือนจำอาบู - กราอิบ หรือว่ามันมาจากวิธีคิดเดียวกัน!!!


SOTUS มันมาจากไหน
ระบบโซตัส เกิดขึ้นจากระบบอาวุโสในโรงเรียนกินนอนของอังกฤษ (Public School) ทั้งสถาบันของพลเรือนอย่าง Oxford และ Cambridge และโรงเรียนนายร้อย Sand Hurst ที่ฝึกคนไปปกครองอาณานิคม ประมาณปี 1850 โรงเรียนทหารของสหรัฐจึงนำไปพัฒนาเป็นระบบโซตัส ที่เข้มข้นขึ้นเพื่อใช้ฝึกให้นักเรียนนายร้อยเหล่านี้มีความสามัคคี เข้มแข็งโดยมี ประเพณีรับน้องใหม่ (Initiation ritual) ที่ทดสอบความอดทน ของน้องใหม่ มีการขู่ตะคอก (Scold) หรือว้าก หรือการดูหมิ่นต่างๆ เป็นต้น ต่อมาระบบนี้ก็ได้แพร่หลายไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วสหรัฐ มีการตั้งกลุ่ม Fraternity ของนักศึกษาชาย และกลุ่ม Sorority ของ นักศึกษาหญิง ซึ่งกลุ่มทั้ง 2 แบบก็จะมีการรับน้องของกลุ่ม และระบบนี้ก็ถูกนำไปใช้ที่ University of the Philippines (UP) หลังจากที่ฟิลิปปินส์ ตกเป็นอาณานิคมของสหรัฐนิคมของสหรัฐในปี ค.ศ. 1900
โซตัสลามเข้าไทย เมื่อมีการก่อตั้งวชิราวุธวิทยาลัยตามแบบโรงเรียนกินนอนในอังกฤษ เมื่อมีการตั้งโรงเรียนนายร้อยสำหรับฝึกทหารและตำรวจ เพื่อส่งคนไปปกครองตามหัวเมืองต่างๆ และดินแดนอดีตอาณานิคมของสยาม อย่างล้านนา อีสาน มลายูปัตตานี ที่ทั้งหมดเพิ่งถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชาติสมัยใหม่หลัง ร.5 เป็นต้นมา
เมื่อก่อตั้งโรงเรียนข้าราชการพลเรือนซึ่งต่อมากลายเป็นจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ระบบอาวุโสถูกนำไปใช้ที่นั่น และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการตั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีการส่งคณาจารย์รุ่นแรกๆ ไปเรียนเกษตรที่ Cornell University สหรัฐอเมริกา กับ University of the Philippines ที่ฟิลิปปินส์ ระบบโซตัสจึงเริ่มที่มหาวิทยาลัยเกษตร และแพร่ขยายไปทั่วประเทศ ลามไปที่จุฬาด้วย ขณะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งตามแบบมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และการเมือง (Ecole des Sciences et Politiques) ของฝรั่งเศสจึงไม่มีระบบนี้ โดยมหาวิทยาลัยในภาคพื้นยุโรป จะไม่มีการรับน้อง ไม่มีระบบอาวุโส หรือยึดติดกับสถาบันมากเท่า พวก อังกฤษและอเมริกา (Anglo-Saxon)


มีอะไรอยู่ใน SOTUS
โซตัส มีอักษรย่อ 5 ตัว SOTUS คือ 1.S = Seniority เคารพผู้อาวุโส 2.O = Order ต้องทำตามคำสั่งผู้อาวุโส ต้อง 3.T = Tradition ทำตามประเพณีที่ผู้อาวุโสคิดเอาไว้ 4. U = Unity ต้องคิดเหมือนๆกันอย่างเป็นเอกภาพห้ามคิดต่าง และ 5.S = Spirit พร้อมพลีชีพเพื่อสถาบัน ระบบโซตัส คือแนวคิดที่อังกฤษและอเมริกาใช้ปกครองคนในอาณานิคม คือแนวคิดที่อยู่ในหัวของชนชั้นปกครองไทย โซตัสทำให้เห็นคนอื่นไม่ใช่คน เห็นว่ามึงไม่เหมือนกู มึงไม่เท่าเทียมกู ดังนั้นกูจะทำอะไรกับมึงก็ได้เข้าใจไหม ดังนั้นรูปธรรมของโซตัสที่เราเห็น คือสงครามเวียดนามที่นายทหารสหรัฐสั่งพลทหารล้อมฆ่าคนเวียดนามที่ไม่มีอาวุธ คือการทรมานนักโทษอิรักในเรือนจำอาบู - กราอิบ คือการสั่งฆ่าประชาชนในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ใน 6 ตุลา 2519 ในพฤษภาทมิฬ 2535 และล่าสุดคือการใช้รถหุ้มเกราะ และอาวุธนานาชนิดถล่มมัสยิดกรือเซะ โดยที่คนมลายูปัตตานีที่อยู่ในกรือเซะ ไม่มีสิทธิแม้แต่จะขอมอบตัวที่จริงแล้ว SOTUS มันน่าจะเป็น 1.Stupid โง่ 2.Out-Dated ล้าสมัย 3.Tyranny เผด็จการ 4.Uncivilized ป่าเถื่อนไร้อารยธรรม 5.Stop It เลิกเถิดเรื่องโง่ๆ ไร้สาระมากกว่า เพราะ SOTUS ไม่ส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เลย
ในสมัยสงครามเย็น สหภาพโซเวียตยึดครองอัฟกานิสถาน หน่วยสืบราชการลับ CIA ของสหรัฐเข้าไปตั้งกลุ่มมูจาฮิดิน (นักรบศักดิสิทธิ์) เพื่อต่อต้านโซเวียต จนกลายเป็นอัลกออิดะห์ เป็นหอกทิ่มอเมริกาในปัจจุบัน ทั้งนี้อัลกออิดะห์ ที่เรียกร้องให้ทำสงครามพลีชีพ ก็ไม่ผิดอะไรกับรุ่นพี่โซตัสที่ให้น้องร้องเพลงเชียร์ที่มีเนื้อหาให้ยอมพลี ชีพหากคู่อริมาลองดี ที่น่าสนใจคือ ทั้งอัลกออิดะห์ และรุ่นพี่โซตัส ได้ไอเดียมาจากที่เดียวกัน คือ อเมริกา!!

SOTUS กับการสืบทอดระบบขูดรีดของทุนนิยม
รุ่นพี่ได้พยายามเชื่อมโยงโซตัส ให้เข้ากับวิถีการผลิตปัจจุบัน เพราะการผลิตสมัยใหม่ต้องการคนจำนวนมากๆ ป้อนเข้าสู่ระบบสายพาน นักศึกษาที่เรียนจบก็ต้องเข้าไปทำงานในสำนักงาน ในโรงงาน หรือเป็นไปเป็นข้าราชการ รุ่นพี่มักอ้างว่าการรับน้องเป็นไปเพราะพี่รักน้องจริงๆ แต่จริงๆคำว่ารักของรุ่นพี่เป็นเพียงลมปาก ที่จริงแล้วเขามักขู่รุ่นน้องเวลาเลิกการรับน้องในทุกๆวันว่า หากรุ่นน้องไม่เชื่อฟัง จะถูกลอยแพ จะทำให้ 1) ไม่มีใครสมาคมด้วยในมหาวิทยาลัย และรุ่นพี่จะไม่ให้ยืมสมุดหนังสือ 2) จบออกไปแล้ว เครือข่ายของรุ่นพี่ศิษย์เก่าจะทำให้รุ่นน้องที่จบไปไม่มีงานทำ ซึ่งมันได้ผลมากในการ "เอาความไม่แน่นอนของการผลิตแบบทุนนิยม มาตั้งเงื่อนไขเพื่อกดขี่รุ่นน้อง" นอกจากนี้รุ่นพี่มักอ้างว่าการฝึกรุ่นน้องให้อดทน เพราะรุ่นน้องเรียนจบออกไป จะได้เป็น "เจ้าคนนายคน" จะได้ "คุมคนงาน" ทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนงานเหมือนกัน!!! ระบบโซตัสที่ส่งเสริมให้รักพวกพ้อง รักสถาบัน แทนที่จะบอกให้รุ่นน้องสามัคคีกันต้านนายทุน มันจึงเหมือนกับแนวคิดชาตินิยม ที่พวกนายทุนใช้เพื่อยุแยงให้กรรมาชีพรักชาติจะได้ฆ่ากันเองในสงครามโลก เพื่อปกป้องนายทุน
โซตัสจึงเป็นการขูดรีดสามรอบ รอบแรก รุ่นพี่ให้เราจ่ายค่าคุ้มครอง ด้วยการแลกศักดิ์ศรีการเป็นมนุษย์ ให้พวกมันรับน้อง เพื่อประกันว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัย และได้งานทำ ฟังดูแล้วไม่ผิดอะไรกับพ่อเล้าเรียกเก็บค่าคุ้มครองคนที่ทำงานบริการเพศ หรือพวกเก็บค่านายหน้าคนงานไปทำงานต่างประเทศ การขูดรีดรอบสอง หลักประกันสำหรับนายจ้างว่า พวกที่ผ่านโซตัสมาแล้วจะ 1)จะไม่กล้าหือต่อนายจ้าง นายจ้างจะใช้ทำโอทีอย่างไรก็ได้ และคนงานที่ผ่านระบบโซตัสจะไม่หัวหมอ กล้าต่อรองสวัสดิการและเงินเดือน 2)ที่สำคัญคนงานที่จบจากมหาวิทยาลัย แล้วได้คุมคนงานพื้นฐานอีกทีหนึ่ง พวกนี้จะใช้หลักสูตรโซตัส เป็นมือเท้าให้กับนายจ้างคอยกำราบคนงานพื้นฐานไม่ให้ต่อรอง และการขูดรีดรอบสาม หากรุ่นน้องยอมจำนนต่อระบบไปแล้ว ระบบโซตัสก็จะได้ทายาทเพื่อสืบทอดการทรมานทาสในรุ่นต่อๆ ไป เป็นการช่วยกันสืบทอดระบบขูดรีดของทุนนิยม โซตัสเป็นลัทธิยอมจำนนต่อระบบทุนนิยม แทนที่ปล่อยให้เกิดการคิดอ่านเพื่อทำลายระบบบ้าบอนี้เสีย

มิถุนาทมิฬ โศกนาถกรรมทางการเมืองที่ซ้ำซาก
มิถุนาทมิฬ ไม่เหมือนพฤษภาทมิฬ เพราะมิถุนาทมิฬ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุก ๆ ปีซึ่งอาจเกือบศตวรรษนับแต่ที่มีมหาวิทยาลัยในเมืองไทย ผู้ต่อต้านระบบโซตัสมักถูกต่อต้านจากรุ่นพี่ที่ไม่ใช้การกดดัน ก็ใช้มาตรการรุนแรงจัดการ 23 ตุลาคม พ.ศ.2496 ฝ่ายซ้ายอย่างจิตร ภูมิศักดิ์ สมัยเป็นนิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ถูกพวกนิยมโซตัสจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จับโยนบก (โยนจิตรจากเวทีลงพื้น) เสกสรร ประเสริฐกุล อดีตผู้นำนักศึกษาสมัย 14 ตุลา เคยต่อต้านพิธีรับน้องกลางงานจนมีเรื่องกับรุ่นพี่ ธเนศวร์ เจริญเมืองและพรรคพวกรวมเงินกัน พิมพ์ใบปลิวประท้วงห้องเชียร์คณะรัฐศาสตร์ แจกไปทั่วจุฬาฯ ช่วงต้นๆ พ.ศ. 2510 จนถูกรุ่นพี่กดดัน ช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีการออกหนังสือ อาทิ "หนุ่มหน่ายคัมภีร์" ของ สุจิตร วงศ์เทศ และ "ฉันจึงมาหาความหมาย" ของ วิทยากร เชียงกูล ซึ่งมีเนื้อหาเสียดสี และประชดประชันระบบโซตัส
หลัง 14 ตุลา 2516 การเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ เป็นประเด็นทางการเมืองสำคัญของชนชั้นล่าง อย่างชาวนา และคนงาน ยุคนี้เป็นยุคตื่นตัวทางสังคมของนักศึกษา เริ่มมีขบวนการนักศึกษาที่ปฏิเสธความโง่ และความป่าเถื่อนของระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ประเพณีต่างๆ ที่พวกพี่ๆ โง่ นำมาใช้ในสมัยเผด็จการทหารก็เลยกลายเป็นเรื่องตลก และถูกยกเลิกไป กิจกรรมนักศึกษาเน้นหนักไปในแนวทาง "ต่อสู้เพื่อผู้ถูกกดขี่" ค่ายอาสาฯ ได้รับความนิยมกว่าห้องเชียร์ ดังนั้นมิถุนาทมิฬจึงเงียบหายไปจากมหาวิทยาลัยในช่วง พ.ศ.2516-2519 เป็นเวลา 3 ปี เหลือเพียงบางคณะในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่มีการรับน้องด้วยโซตัส
ปัจจุบันผ่านไปแล้ว 30 กว่าปี โซตัสมันกลับมาอีก สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะนักศึกษาโง่หรอก แต่เพราะชนชั้นปกครองไทยอยากให้โง่ต่างหาก การเริ่มเคลื่อนไหวทางสังคมของนักศึกษากับประชาชนหลังสมัย 14 ตุลา ชนชั้นปกครองกลัวว่าจะปกป้องอภิสิทธิ์ไม่ได้ จึงมีคำสั่งร่วมลงมาให้สังหารหมู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และมีคำสั่งตามมาให้เผาหนังสือที่อาจปลดแอกพวกเราจากความโง่ตามห้องสมุด ต่างๆ ด้วย หลัง 6 ตุลาคม 2519 กิจกรรมรับน้องไร้สาระกลับมาอีก ผู้บริหารมหาวิทยาลัยดูจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่กำราบจริงจังกับกิจกรรมโซตัสพวกนี้ เพราะโซตัสได้ทำลายจินตนาการ และพลังการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว ไม่ให้มาสนใจกับปัญหาเศรษฐกิจการเมือง หรือแม้แต่เรื่องใกล้ตัวในมหาวิทยาลัย ซึ่งทั้งผู้บริหารมหาวิทยาลัยและชนชั้นปกครองก็สมประโยชน์ทั้งคู่ กิจกรรมนักศึกษาที่มีต่อสังคม จึงอยู่ในช่วงขาลง เห็นได้จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ การปฏิรูปการเมือง และการต่อต้านโลกาภิวัฒน์ นักศึกษาส่วนใหญ่จึงไม่สนใจ

อนาคตของ SOTUS นักศึกษาผู้รักความเป็นธรรมทั้งหลายจงตื่นเถิด
เราไม่ควรลืมประวัติศาสตร์ของเราเอง ในปี 2475, 2516 และ 2535 มวลชนชาวไทยรวมตัวกันล้มระบบเผด็จการ และชนะ ดังนั้นถ้านิสิตนักศึกษารุ่นใหม่ต้องการล้มเผด็จการของห้องเชียร์ และรุ่นพี่ ก็คงต้องเรียนบทเรียนจากอดีต คนหนุ่มสาวไทยสามารถล้มเผด็จการได้ และเคยยกเลิกระบบรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาวิทยาลัยด้วย แต่ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องรวมตัวกันปฏิเสธความโง่ แล้วพวกรุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะมีอำนาจล้นฟ้าก็จะกลายเป็นมนุษย์น้อยที่น่า สงสารเท่านั้นเอง ดีไม่ดีเขาอาจไหว้เราเป็นการขอบคุณก็ได้เพราะเราสามารถปลดแอกความโง่จากเขา ได้ สิ่งที่สำคัญคือ นิสิตนักศึกษาต้องทำเอง ไม่ใช่ไปหวังว่าคนอื่นหรือใครที่ไหนจะทำให้ อย่าลืมว่าคนสามารถเอาแอกออกจากควายได้ แต่เนื่องจากควายเอาแอกออกเองไม่ได้ ควายจำต้องเป็นทาสของมนุษย์ตลอดกาล
หลังการล้มเลิกระบบโซตัส มีทางเลือกให้กับชีวิตของเรามากมาย ในหมู่นักศึกษาเราจะรักกันโดยไม่แบ่งแยกคณะ ไม่แบ่งแยกสถาบัน เราควรเลิกการรับน้อง แล้วเอาเวลาไปศึกษาโลก และต่อสู้เพื่อสังคม ที่ยังมีผู้ได้รับความอยุติธรรมอยู่ค่อนโลก ค่อนประเทศ แล้วเอาเวลาไปพักผ่อน เล่นกีฬา เล่นเกม มันยังมีประโยชน์กว่าการกดขี่นักศึกษากันเองเป็นไหนๆ !!!